บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

ปฏิบัติธรรมไม่ถูกต้อง

ผมได้อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้นักปริยัติ/พุทธวิชาการเข้าใจศาสนาผิดเพี้ยน และสอนผิดเพี้ยนจน “ศีลธรรม” ของประชาชนคนไทยตกต่ำจนถึงที่สุด  ก่อให้เกิดปัญหาสังคมมากมายไปแล้ว 2 ข้อ คือ

1) เชื่อวิทยาศาสตร์และ/หรือปรัชญาตะวันตกมากกว่าพระไตรปิฎก
2) ขาดความเข้าใจในเรื่องของภาษาศาสตร์

บันทึกนี้ จะกล่าวถึงข้อที่สาม คือ “ไม่ปฏิบัติธรรมและ/หรือปฏิบัติธรรมอย่างไม่ถูกต้อง”

ข้อบกพร่องตรงนี้ แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มคือ

กลุ่มที่หนึ่ง พวกไม่ปฏิบัติธรรมเลย

พวกนี้ส่วนใหญ่ศึกษาศาสนาพุทธแบบปรัชญา คือ ศึกษาโดยเหตุผล คิดไปเรื่อย วิเคราะห์โน่นวิเคราะห์นี่ เปรียบเทียบศาสนาพุทธกับวิทยาศาสตร์ กับศาสนาอื่นๆ แต่ไม่เคยปฏิบัติธรรมเลย

อาการปวดขา จากการนั่งนานๆ ก็ไม่เคยพบ  กลุ่มนี้จึงไม่มีทางเข้าใจศาสนาพุทธได้อย่างถูกต้องเลย

ถ้ามองในมุมมองของผู้ปฏิบัติธรรมตามสายวิชชาธรรมกายแล้ว น่าสงสารมาก คือ เกิดมาเสียเปล่าไปชาติหนึ่ง ไม่ได้บุญบารมีติดตัวไปบ้างเลย

กลุ่มที่สอง กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ปฏิบัติธรรมกันอย่างจริงจัง เอาจริงเอาจัง แต่ปฏิบัติไม่ถูกทาง

ไม่ถูกทางอย่างไร?

ก่อนที่จะอ่านตรงนี้ ผมขอให้ทำตัวเป็นกลางๆ ไว้ก่อน คือ อย่าเพิ่งเข้าข้าง หรือ อย่าเพิ่งโต้แย้ง ไม่อย่างนั้น การอ่านบันทึกนี้ก็จะเสียเวลาและเสียอารมณ์ไปเปล่า

ถ้าใช้หลักการของแนวคิดทางปรากฏการณ์วิทยา (Phenomenology) ก็คือ ขอให้วงเล็บความรู้เก่าๆ ของตนเองไว้ก่อน

คือทำตัวเป็นกลางจริงๆ

แล้วพิจารณาว่า ในพระไตรปิฎกนั้น กริยาที่มีความสำคัญที่สุดก็คือ รู้ และ เห็น  ซึ่งในภาษาบาลีก็คือ ญาณทัสสนะ

ญาณคือรู้  ทัสสนะคือเห็น 

ถ้าปราศจากญาณทัสสนะแล้ว ไม่มีโอกาสที่จะเข้าใจเนื้อหาธรรมะได้เลย

คำสำคัญอีก 2 คำก็คือ วิปัสสนา และตรัสรู้

วิปัสสนา  แปลว่า เห็นแจ้ง  วิ คือ “แจ้ง”  ปัสสนา คือ “เห็น”

ตรัสรู้ แปลว่า “รู้แจ้ง”  ตรัส คือ “แจ้ง” [มาจากภาษาเขมร] “รู้” เป็นภาษาไทย

โดยสรุปก็คือ ถ้าปราศจากการ "เห็น" แล้ว  เราไม่มีทาง "รู้" ได้เลย  ดังนั้น ในการปฏิบัติธรรม ถ้าไม่เห็นแล้วจะรู้ได้อย่างไร

สายปฏิบัติธรรมใดก็ตามที่ปฏิเสธการเห็นไปทั้งหมด  การสอนผิดไปจากพุทธพจน์ ผิดไปจากพระไตรปิฎก ถือว่า เป็นการปฏิบัติธรรมที่ไม่ถูกต้อง

สายปฏิบัติธรรมใดที่ยอมรับว่ามีการเห็นเกิดขึ้นได้ เพราะ ในพระไตรปิฎกนั้น มีคำว่า "เห็น" ประกอบอยู่เป็นจำนวนมาก

ก็ต้องมาพิจารณากันว่า ท่านสอนให้ "เห็น" อะไร  เป็นไปตามเนื้อหาของพระไตรปิฎกหรือไม่

ถ้าสอนให้เห็นอะไรเปรอะไป ไม่มีหลักมีเกณฑ์ ไม่มีหลักสูตร ก็ถือว่า เป็นการปฏิบัติธรรมที่ไม่ถูกต้องเช่นเดียวกัน

โดยสรุป

ในบันทึกนี้ ผมจะนำความรู้ง่ายๆ ในพระไตรปิฎกที่พุทธศาสนิกชนยังเข้าใจผิดกันอยู่ นักปริยัติ/พุทธวิชาการก็อธิบายไม่ชัดเจน พุทธปฏิบัติธรรมก็อธิบายไม่ชัดเจน แต่วิชาธรรมกายหรือธรรมกายศาสตร์นั้น สามารถอธิบายได้อย่างเป็นวิชาการมานำเสนอต่อไป...



1 ความคิดเห็น:

  1. บทความนี้เห็นด้วยครับเห็นมาเยอะ ตั้งแต่คนที่ตายไปแล้วและคนที่เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยพระด้วย

    ตอบลบ